ศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์จุล ทิสยากร
เมื่อ 40 ปีก่อน แพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยเด็กของประเทศไทยพบกับปัญหาโรคขาดอาหาร แต่ที่กำลังกลายเป็นปัญหาในปัจจุบันของเด็กไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร คือเด็กรับประทานอาหารมากเกินไปจนน้ำหนักตัวมากจนอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าเป็นโรคอ้วน ซึ่งในปัจจุบันพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของเด็กในกรุงเทพมหานคร ส่วนหนึ่งของปัญหานี้เกิดจากการขาดการดูแลที่ดีจากบิดามารดาของเด็ก หรือเกิดจากความไม่รู้ของบิดามารดาของเด็กซึ่งเข้าใจผิดว่าเด็กอ้วนคือเด็กมีสุขภาพดี ในอนาคตเด็กอ้วนเหล่านี้จะมีปัญหาสุขภาพอันได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ โรคกลุ่มอาการที่ดื้อต่อสารอินซูลิน นอนกรน หยุดหายใจขณะนอนหลับ นอกจากโรคทางกายแล้ว โรคอ้วนยังนำไปสู่โรคทางจิตใจด้วย เช่น ไม่ค่อยคบเพื่อน เกิดโรคซึมเศร้า และในรายที่รุนแรงมากอาจถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
BMI = น้ำหนักตัว (หน่วยเป็นกิโลกรัม) / ความสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง
การแปลผล BMI ที่คำนวณได้
ค่า BMI (กก/ม2) การแปลผล
20-25 ดีที่สุด
25-30 น้ำหนักเกิน
30-34 อ้วน
35-44 อ้วนจนต้องระวังสุขภาพ
45-49 อ้วนจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
มากกว่า 50 ซุปเปอร์อ้วน (อันตรายมาก)
(ค่าปกติของ BMI ในเด็กที่อายุมากกว่า 9 ปี
เด็กชาย = อายุ (หน่วยเป็นปี) + 13
เด็กหญิง = อายุ (หน่วยเป็นปี) + 14)
เมื่อ 40 ปีก่อน แพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยเด็กของประเทศไทยพบกับปัญหาโรคขาดอาหาร ในเด็กซึ่งอาจเป็นชนิดที่เด็กขาดอาหารจนผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างที่ยังพบได้มากในหลายประเทศของทวีปอัฟริกา เด็กบางคนจะขาดอาหารโปรตีนมากจนเกิดอาการบวม สำหรับประเทศไทยโรคขาดอาหารในเด็กได้ค่อยๆหมดไป แต่ที่กำลังกลายเป็นปัญหาในเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร คือเด็กรับประทานอาหารมากเกินไปจนน้ำหนักตัวมากจนอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าเป็นโรคอ้วน ซึ่งในปัจจุบันพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของเด็กในกรุงเทพมหานคร ส่วนหนึ่งของปัญหานี้เกิดจากการขาดการดูแลที่ดีจากบิดามารดาของเด็ก หรือเกิดจากความไม่รู้ของบิดามารดาของเด็กซึ่งเข้าใจผิดว่าเด็กอ้วนคือเด็กมีสุขภาพดี ในการประกวดสุขภาพเด็กประจำปีของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มักจะมีมารดาที่นำเอาเด็กที่อ้วนมากมาร่วมประกวดด้วยจากความเข้าใจผิดที่คิดว่าเด็กอ้วนเป็นเด็กที่มีสุขภาพดี แต่ในความเป็นจริงนอกจากเด็กอ้วนมักจะมีสุขภาพไม่ดี เช่น อ้วนมากจนหายใจไม่พอแล้ว ในอนาคตเด็กอ้วนเหล่านี้จะมีปัญหาสุขภาพอันได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ โรคกลุ่มอาการที่ดื้อต่อสารอินซูลิน นอนกรน หยุดหายใจขณะนอนหลับ นอกจากโรคทางกายแล้ว โรคอ้วนยังนำไปสู่โรคทางจิตใจด้วย เช่น ไม่ค่อยคบเพื่อน เกิดโรคซึมเศร้า และในรายที่รุนแรงมากอาจถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
การป้องกันโรคอ้วนต้องเป็นการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและเข้มงวดตั้งแต่แรกคลอด โดยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ซึ่งทำให้เด็กมีโอกาสอ้วนน้อยกว่าเด็กที่เลี้ยงด้วยนมวัว ในเด็กที่โตขึ้นครอบครัวมีหน้าที่จัดการและให้ความรู้เรื่องอาหารกับการออกกำลังกาย การที่น้ำหนักของร่างกายเพิ่มขึ้นก็เนื่องจากพลังงานที่รับประทานเข้าไปมากกว่าพลังงานที่ใช้ไปของร่างกาย ทำให้พลังงานที่เหลือใช้ถูกจัดเก็บไว้ในรูปไขมัน อาหารที่จะทำให้มีพลังงานเหลือใช้ได้มากได้แก่ อาหารที่มีไขมันมากหรือหวานจัด และส่วนหนึ่งที่ทำให้ในปัจจุบันเด็กมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนกันมากก็เนื่องจากการรับประทานอย่างอวิชาทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ ทำให้ร่างกายมีรายรับทางด้านพลังงานเพิ่มขึ้นมาก ส่วนรายจ่ายทางพลังงานของร่างกายในเด็กก็มักจะน้อยเนื่องจากเด็กมักจะอยู่เฉยๆเช่น ดูทีวี เล่นเกมกด ขณะที่ดูทีวีก็มักจะรับประทานขนมขบเคี้ยวร่วมกับการดื่มน้ำหวาน เมื่อบวกกับอาหารมื้อหลักที่มักจะซื้อจากร้านอาหารพวก “จานด่วน” เช่น พิซซ่า เบอร์เกอร์ ซึ่งมีไขมันเป็นส่วนประกอบมาก พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งเสริมให้น้ำหนักตัวเพิ่มทั้งนั้น สิ่งที่พอจะทำได้เพื่อลดโอกาสการเพิ่มน้ำหนักตัวก็คือเลือกอาหารที่จำหน่ายให้แก่นักเรียนในโรงเรียน ส่งเสริมการเล่นที่เป็นการออกกำลังกายประมาณวันละชั่วโมง จำกัดการดูทีวี เล่นเกมกดไม่ไห้
มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ที่กล่าวมาข้างต้นถ้าดูเผินๆจะเห็นได้ว่าไม่มีอะไรมาก แต่ในทางปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของการควบคุมน้ำหนักนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก
หลักเกณฑ์ที่สำคัญเพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างได้ผล
1. ตั้งเป้าและจัดรายการเฉพาะสำหรับเด็กแต่ละคนโดยพิจารณาจากอายุ ความรุนแรงของ
น้ำหนักที่มากเกินไป และโรคที่มีร่วมด้วยแล้ว
2. ครอบครัวต้องร่วมด้วยในภาคปฏิบัติ
3. มีการประเมินผลบ่อยๆ
4. ต้องคำนึงถึงความประพฤติ สังคม และจิตใจของเด็กด้วย
5. ให้คำแนะนำในการเปลี่ยนแปลงอาหารและการออกกำลังกายที่เด็กและครอบครัว
นำไปปฏิบัติได้จริงๆ
จะเห็นได้ว่า ความสำเร็จในการควบคุมน้ำหนักขึ้นกับความร่วมมือของสมาชิกทุกคนในครอบครัวที่ต้องยอมรับการจัดกิจกรรมร่วมกัน เช่น การเล่นกีฬา และการเปลี่ยนแปลงชนิดอาหารและวิธีการเตรียม เด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี ไม่ควรใช้ยาเพื่อการควบคุมน้ำหนัก ส่วนวิธีการผ่าตัดต่างๆเพื่อลดน้ำหนักจะพิจารณาใช้เฉพาะกับเด็กที่เจริญเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาวแล้วเท่านั้น และจะต้องเป็นโรคอ้วนที่อ้วนจนมีปัญหาต่อสุขภาพแล้วเพราะมีโรคแทรกซ้อนหรือน้ำหนักมากถึงขั้นซุปเปอร์อ้วน