- รายละเอียด
- ฮิต: 11989
ผศ.นพ.วรการ พรหมพันธุ์
ผศ.นพ.สมเกียรติ โสภณธรรมรักษ์
ผศ.นพ.สมเกียรติ โสภณธรรมรักษ์
ภาวะหัวใจวาย (congestive heart failure) เป็นกลุ่มอาการที่พบได้ในทุกอายุแม้แต่ทารกในครรภ์ เกิดขึ้นเมื่อหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดไม่สามารถทำงานได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (metabolic demands) ภาวะดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยมีอาการของ pulmonary และ systemic venous congestion ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายพยายามปรับเปลี่ยน(adaptive mechanisms)เพื่อให้เกิดความสมดุล จนเกิดปฏิกิริยาเป็นลูกโซ่(set in motion and chain reaction)ที่ต่อเนื่องกันตามมา เช่น มีชีพจรที่เร็วขึ้น, เกิด vasoconstriction, หรือเกิด myocardial hypertrophy เป็นต้น ภาวะหัวใจวายเป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินทางระบบไหลเวียนเลือดในเด็กที่พบได้บ่อยในเวชปฏิบัติประจำวัน ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัย และแก้ไขอย่างถูกต้องแล้ว ก็อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความพิการ หรือแม้แต่เสียชีวิตในที่สุด บทความนี้มีเนื้อหาครอบคลุมถึงสาเหตุ, พยาธิสรีระวิทยาของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับระบบไหลเวียนเลือด, การวินิจฉัย ตลอดจนถึงการดูแลรักษาผู้ป่วยหัวใจวายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- รายละเอียด
- ฮิต: 14650
นาวาเอกอนันต์ โฆษิตเศรษฐ
พ.บ., ว.ว.(กุมารเวชศาสตร์), ว.ว.(กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ)
Certificate in Pediatric Cardiology, Mayo Clinic, Rochester, MN, USA
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หน่วยโรคหัวใจ
ภาควิชากุมาเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
Certificate in Pediatric Cardiology, Mayo Clinic, Rochester, MN, USA
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หน่วยโรคหัวใจ
ภาควิชากุมาเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
อาการเจ็บหน้าอก (chest pain)ในเด็กและวัยรุ่นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย มีการศึกษาในต่างประเทศพบว่าพบได้ร้อยละ 0.25 -0.29 ในเด็กที่มาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกหรือห้องฉุกเฉิน1,2 อายุที่พบบ่อยคือ ช่วงวัยรุ่น โดยอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 11 ถึง 13 ปี1,3 โดยพบว่าอายุที่เริ่มมีอาการยิ่งน้อย จะยิ่งมีโอกาสพบความผิดปกติทางร่างกายมากกว่า ขณะที่สาเหตุส่วนใหญ่ในเด็กวัยรุ่นคือไม่ทราบสาเหตุหรือเกิดจากภาวะทางจิตใจ โดยทั่วไปนั้นอาการเจ็บหน้าอกในเด็กที่เกิดจากระบบหัวใจและหลอดเลือดพบได้ไม่บ่อย มีการศึกษาพบว่าอุบัติการณ์ของการเจ็บหน้าอกที่เกิดจากระบบหัวใจและหลอดเลือด พบได้น้อยกว่า ร้อยละ 54 แต่ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวลใจต่อเด็กและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าอาการเจ็บหน้าอกนั้นเป็นอาการแสดงของโรคหัวใจ ทำให้มีผลต่อการดำรงชีวิต ได้แก่ การขาดโรงเรียนบ่อยๆ ถูกจำกัดในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกาย เพราะการเจ็บหน้าอก5 บทความนี้จะได้พูดถึงการเจ็บหน้าอกในเด็กและวัยรุ่น ในแง่ของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ รวมทั้งแนวทางในการประเมินเพื่อการวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค โดยเฉพาะสาเหตุที่เกิดจากระบบหัวใจและหลอดเลือด เพื่อจะได้สามารถแยกโรคได้จากภาวะหรือสาเหตุที่ไม่รุนแรง
- รายละเอียด
- ฮิต: 35988
รศ.พ.อ.หญิงสุรีย์พร คุณาไทย
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Myocardial Disease) พบในผู้ป่วยผู้ใหญ่มากกว่าพบในเด็ก เกิดจากมีพยาธิเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้โครงสร้างและหน้าที่ของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เกิดได้จากสาเหตุต่างๆ และบางรายไม่ทราบสาเหตุ และอาจจะเกิดเป็นผลจากโรคของโครงสร้างส่วนอื่นๆ ของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจ หลอดเลือดแดงโคโรนารีที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หรือเกิดจาก การแพร่กระจายของโรคบางโรคไปทั่วร่างกาย (Systemic disease) ความสำคัญของโรคนี้อยู่ที่พยากรณ์โรค ค่อนข้างจะเลวหลังจากมีอาการและส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตเป็นส่วนมากหลังการรักษาภายใน 2 ปี ในต่างประเทศมีการพยากรณ์โรคดีกว่า เนื่องจากมีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ (Cardiac Transplantation) ซึ่งทำการรักษาได้ในบางแห่งเท่านั้น
- รายละเอียด
- ฮิต: 640
นพ.มนัส ปะนะมณฑา
รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โรคไข้รูมาติกและโรคหัวใจรูมาติกเกิดจากปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ ตามหลังการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปเอในลำคอ1-2 โรคไข้รูมาติกและโรคหัวใจรูมาติกยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญในกลุ่มประชากรเด็กและวัยรุ่นของประเทศที่กำลังพัฒนาโดยก่อให้เกิดความพิการและการเสียชีวิตเมื่ออายุน้อยของประชากรเป็นผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมของบุคคลและของประเทศ 1
ปัจจุบันโรคไข้รูมาติก ยังพบได้บ่อยในหลาย ๆ ประเทศที่ กำลังพัฒนา1-8 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรรวมกันประมาณสองในสามของประชากรโลก3 ถึงแม้ว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบโรคนี้ได้น้อย แต่ประชากรบางกลุ่มของประเทศเหล่านี้ก็ยังมีอุบัติการณ์ การเกิดโรคในอัตราที่สูง 2 ความรุนแรงของโรคไข้รูมาติกในประเทศที่กำลังพัฒนาในปัจจุบันจะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ในอดีตย้อนหลังไป ประมาณ 60 ปี 3
ในประเทศที่มีความรุนแรงของโรคนี้น้อยลง และมีอุบัติการณ์การเกิดโรคต่ำนั้น แพทย์และผู้วางนโยบายทางสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้นมักจะเข้าใจว่าปัญหาของโรคนี้ไม่มีอีกแล้ว ตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1970-1985 ที่มีอุบัติการณ์การเกิดโรคต่ำมาก จนแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงโรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ สเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอในลำคอ แต่เมื่อมีการฟื้นคืนชีพของโรคนี้ขึ้นมาในหลายๆพื้นที่ของประเทศทางตะวันตกโดยพบผู้ป่วยมากกว่า 600 รายในเมือง Salt Lake รัฐ Utah ในระหว่างปี ค.ศ. 1985-2002 แพทย์และผู้วางนโยบายทางสาธารณสุขจึงได้กลับมาสนใจโรคนี้1-3
ดังนั้นปัญหาของโรคนี้ทั้งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา คือยังไม่สามารถจะควบคุมโรคได้ดีนัก ไม่ว่าจะโดยการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาการติดเชื้อ สเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอในลำคอเพื่อป้องกันการเกิดโรคครั้งแรกหรือการใช้มาตรการทางสาธารณสุขในการเพิ่มขีดความสามารถในการให้ยาปฏิชีวนะอย่างสม่ำเสมอในผู้ป่วยโรคไข้รูมาติกเพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำ
รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โรคไข้รูมาติกและโรคหัวใจรูมาติกเกิดจากปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ ตามหลังการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปเอในลำคอ1-2 โรคไข้รูมาติกและโรคหัวใจรูมาติกยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญในกลุ่มประชากรเด็กและวัยรุ่นของประเทศที่กำลังพัฒนาโดยก่อให้เกิดความพิการและการเสียชีวิตเมื่ออายุน้อยของประชากรเป็นผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมของบุคคลและของประเทศ 1
ปัจจุบันโรคไข้รูมาติก ยังพบได้บ่อยในหลาย ๆ ประเทศที่ กำลังพัฒนา1-8 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรรวมกันประมาณสองในสามของประชากรโลก3 ถึงแม้ว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบโรคนี้ได้น้อย แต่ประชากรบางกลุ่มของประเทศเหล่านี้ก็ยังมีอุบัติการณ์ การเกิดโรคในอัตราที่สูง 2 ความรุนแรงของโรคไข้รูมาติกในประเทศที่กำลังพัฒนาในปัจจุบันจะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เคยเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ในอดีตย้อนหลังไป ประมาณ 60 ปี 3
ในประเทศที่มีความรุนแรงของโรคนี้น้อยลง และมีอุบัติการณ์การเกิดโรคต่ำนั้น แพทย์และผู้วางนโยบายทางสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้นมักจะเข้าใจว่าปัญหาของโรคนี้ไม่มีอีกแล้ว ตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1970-1985 ที่มีอุบัติการณ์การเกิดโรคต่ำมาก จนแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงโรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ สเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอในลำคอ แต่เมื่อมีการฟื้นคืนชีพของโรคนี้ขึ้นมาในหลายๆพื้นที่ของประเทศทางตะวันตกโดยพบผู้ป่วยมากกว่า 600 รายในเมือง Salt Lake รัฐ Utah ในระหว่างปี ค.ศ. 1985-2002 แพทย์และผู้วางนโยบายทางสาธารณสุขจึงได้กลับมาสนใจโรคนี้1-3
ดังนั้นปัญหาของโรคนี้ทั้งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา คือยังไม่สามารถจะควบคุมโรคได้ดีนัก ไม่ว่าจะโดยการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาการติดเชื้อ สเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอในลำคอเพื่อป้องกันการเกิดโรคครั้งแรกหรือการใช้มาตรการทางสาธารณสุขในการเพิ่มขีดความสามารถในการให้ยาปฏิชีวนะอย่างสม่ำเสมอในผู้ป่วยโรคไข้รูมาติกเพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำ